ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

รักษาโรคไข้เลือดออก

รักษา "ไข้เลือดออก"แนวใหม่ใช้ใบมะละกอคั้นน้ำกินเพิ่มเกล็ดเลือด 



วันที่ 12 ก.ย. นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มพัฒนาการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ “เดลินิวส์” ว่า มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการรักษาโรคไข้เลือดออกแนวใหม่ ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ โดยจากการศึกษาข้อมูลซึ่งไปเจอโดยบังเอิญ พบว่า สามารถใช้ใบมะละกอสดมาคั้นน้ำดื่มควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน จะทำให้เกล็ดเลือดของผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นได้ภายใน 24-48 ชม.ช่วยลดอัตราการตายลงได้ ยังงงว่าประเทศไทยไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งที่ใบมะละกอบ้านเรามีเยอะแยะ อีกทั้งช่วงนี้มีคนเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกจำนวนมาก

นพ.สมยศ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวยังไม่เคยทดลองใช้ใบมะละกอกับผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก แต่มีงานวิจัยรองรับในหลายประเทศ มีการทดลองในคนไข้แล้วได้ผล เช่น ประเทศอินเดีย ปากีสถาน มาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีการจดสิทธิบัตรน้ำใบมะละกอในต่างประเทศด้วย ไม่ได้ใช้เฉพาะผู้ป่วยเกล็ดเลือดต่ำจากไข้เลือดออกเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ในกรณีอื่นด้วย

นพ.สมยศ กล่าวว่า ผู้ป่วยไข้เลือดออก เกล็ดเลือดจะต่ำลงเรื่อย ๆ เนื่องจากมีภาวะเลือดออก และอาจทำให้เสียชีวิตได้ แต่การดื่มน้ำใบมะละกอวันละ 30 ซีซี. ติดต่อกัน 3 วัน ระดับเกล็ดเลือดที่ต่ำจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เมื่อถามว่า ได้นำเสนอให้ผู้ใหญ่และผู้เกี่ยวข้องในกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบหรือยัง นพ.สมยศ กล่าวว่า ยัง แต่ได้เผยแพร่ใน WWW.ล้างพิษตับ.com เฟซบุ้กส่วนตัว ใส่ชื่อตนและเบอร์โทรศัพท์พร้อมให้ข้อมูลเรื่องนี้เพราะมีการรวบรวมงานวิจัยในเรื่องนี้เอาไว้หลายแห่ง อย่างไรก็ตามเริ่มพูดคุยกับ รพ.บางแห่งแล้ว

“สำหรับขั้นตอนการรักษาโรคไข้เลือดออกด้วยใบมะละกอสด คือ ใช้ใบมะละกอสดพันธุ์ใดก็ได้ประมาณ 50 กรัมจากต้นมะละกอ จากนั้นล้างให้สะอาด และทำการบดให้ละเอียด ไม่ต้องเติมน้ำ กรองเอากากออก ดื่มน้ำใบมะละกอสด แยกกาก วันละ ครึ่งแก้ว หรือ 30 ซีซี ติดต่อกัน 3 วัน วิธีนี้มีการวิจัยมาแล้วว่าไม่เป็นอันตราย”นพ.สมยศ กล่าว

นพ.สมยศ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสารสำคัญตัวใดในใบมะละกอที่สามารถช่วยเพิ่มระดับเกล็ดเลือด รู้แต่ว่ากินแล้วได้ผล และทดลองในคนได้ผล ดังนั้นเมื่อกินแล้วไม่มีผลเสีย หรืออันตราย ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษา เพราะปกติผู้ป่วยไข้เลือดออกก็รักษาไปตามอาการอยู่แล้ว ทั้งนี้ได้พูดคุยกับ รพ.บางแห่งแล้วให้ลองนำไปใช้ดู และได้แจ้งเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและควบคุมโรคไปดูแล้ว

“ที่ออกมาพูดในเรื่องนี้ไม่ใช่ต้องการให้ผู้ป่วยไข้เลือดออกนอนดื่มน้ำใบมะละกออยู่บ้าน แล้วไม่ไป รพ. ดังนั้นผู้ป่วยต้องไป รพ. เพราะการวิจัยนี้ทำ รพ.ควบคู่กับการรักษาพยาบาลแผนปัจจุบัน เมื่อเจาะเลือดมาดูพบว่าระดับเกล็ดเลือดเพิ่มขึ้น โดยการวิจัยมีการเปรียบเทียบกัน 2 กลุ่มแล้วคือกลุ่มที่ควบคุมและไม่ควบคุมในการดื่มน้ำใบมะละกอ ”นพ.สมยศ กล่าว.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีทำน้ำตะไคร้ไล่ยุง

ตะไคร้ไล่ยุง วัสดุอุปกรณ์                                                                                                  1.     ตะไคร้                   2.     น้ำเปล่าสะอาด 3.     มีด 4.     เขียง 5.     เครื่องปั่น หรือ ครก 6.     ผ้าขาวบาง 7.     ภาชนะบรรจุ(ขวดสเปรย์) 8.     กรวย วิธีทำ 1. นำต้นตะไคร้มาล้างให้สะอาด  และหั่นซอยบางๆ 2. นำต้นตะไคร้ที่ล้างแล้วใส่ครกโขลกให้ละเอียด  หรือถ้ามีเครื่อง ปั่น  ก็ใส่เครื่องปั่น  นำมาปั่นให้ละเอียด   3. นำตะไคร้ปั่นละเอียดแล้วมาใส่ผ้าขาวบางคั้นเอาน้ำตะไคร้  แล้วนำน้ำตะไคร้ 1 ส่วน  : น้ำ 3ส่วน  ผสมกัน   4.   ก็จะได้น้ำตะไคร้ไว้สำหรับทาตามแขนหรือขา ประโยชน์ น้ำตะไคร้ไล่ยุงได้  ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ทำง่าย  ราคาถูก  ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์  รู้จักนำสมุนไพรในครัวเรือนมาใช้ให้เกิดประโยชน์

ยุงชอบกัดคนประเภทไหน

ไข้มาลาเรีย

       มาลาเรีย Malaria (ไข้มาลาเรีย ไข้จับสั่น ไข้ป่า ) ยังคงเป็นโรคที่พบได้บ่อยในบ้านเรา มักพบในบริเวณที่เป็นป่าเขา จึงพบได้แทบทุกภาคของประเทศ  ในบ้านเราคนที่มีไข้หนาวสั่นมากหรือมีไข้นานหลายวัน เมื่อตรวจร่างกายไม่พบอาการอย่างอื่นชัดเจน หรือพบเพียงตับโตม้ามโตพึงนึกถึงโรคนี้กับไข้ไทฟอยด์ ไว้ก่อนเสมอ     เชื้อที่ทำให้เป็นไข้มาลาเรียมีอยู่หลายชนิด แต่ที่สำคัญในบ้านเรามี 2 ชนิด คือ พลาสโมเดียม ฟาลซิพารัม (Plasmodium falciparum) กับ พลาสโมเดียม ไวแวกซ์ (Plasmodium vivax) ชนิดฟาลซิพารัม พบได้ประมาณ 70-90% มักมีปัญหาดื้อยา และมีโรคแทรกซ้อนได้มาก เช่น ดีซ่าน มาลาเรียขึ้นสมอง, ดีซ่าน, ไตวาย ฯลฯ เป็นอันตรายถึงตายได้    สาเหตุ เกิดจากเชื้อมาลาเรีย ซึ่งเป็นสัตว์เซลล์เดียว หรือโปรโตซัว (Protozoa) เช่นเดียวกับบิดอะมีบา มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค คือต้องถูกยุงที่มีเชื้อมาลาเรียกัดจึงจะเป็นโรค หรือไม่ก็อาจเกิดจาก การได้รับเลือดจากคนที่มีเชื้ออยู่    ระยะฟักตัว ชนิดพลาสโมเดียม ฟาลซิพารัม 8-12 วัน (สั้นที่สุด 5 วัน) ชนิดพลาสโมเดียม ไวแวกซ์ 10-15 วัน (อาจนานหลายเดือน) ถ้าเกิดจากการให้เลือด อาจมีอ